อาหารเป็นปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ปัจจุบันจะทำงานหาปัจจัยห้า เช่น เงิน มาซื้อปัจจัยสี่ ไม่ค่อยทำงานหาปัจจัยสี่ตรงๆ เราต้องการสร้าง/หาปัจจัยสี่ตามธรรมชาติให้ได้(บ้าง) ต้องการให้ลูกรู้คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ไม่ต้องเสียเงินซื้อ มีอยู่ตามธรรมชาติปลอดภัยกว่าอีกต่างหาก พอผ่านเห็นคนเค้าเก็บหอยตรงปากน้ำในเมืองกันก็เลยแวะถามไถ่ เพื่อศึกษาว่าน้ำจะลงวันไหน เวลาไหน ให้เราลงไปเก็บหอยได้ ได้ความว่าเดือนนึงเก็บได้ 5 วัน คือ 1, 2, 3 ค่ำ และ 14, 15 ค่ำ ช่วงเวลาบ่าย 3 ถึง 5 โมงเย็น วันที่ถามเป็นวัน 14 ค่ำพอดี แต่เราไม่ได้เตรียมตัวไป จึงกลับมาตั้งหลัก ชักชวน เตรียมตัวกันไปหาวันถัดไปเลย ไม่งั้นเดือนนี้หลังจากวัน 15 ค่ำก็จะอดละ เพราะเดี๋ยวปลายเดือนไปกรุงเทพฯ อยู่ไม่ถึงรอบ 1 ค่ำ ... เป็นกิจกรรมที่สนุกมาก มีเรื่องให้ได้เรียนรู้ศึกษามาก และอร่อยมากกกกก :D
เตรียมตัวเตรียมพร้อม อุปกรณ์เพียบสุดอะแก๊งค์นี้ (แต่เหมือนจะได้น้อยสุด 555)
ป่าชายเลนในเมืองกระบี่ยามน้ำลง ยังเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายพันธุ์ ป่าก็ยังแน่น บรรยากาศดีจริงๆ :)
รอป๊าลงไปสำรวจคนแรก เพราะก่อนจะถึงตรงลานแห้งที่เก็บหอยต้องผ่านตรงที่มีน้ำนิดนึง ไปดูก่อนว่าลึกแค่ไหน เดินได้มั้ย สรุปว่าไม่ลึกมาก เด็กใส่ห่วงหรือเกาะไปได้ แต่ควรใส่รองเท้าบู๊ทเพราะมีบริเวณที่มีหินและเปลือกหอยคมๆ อยู่เล็กน้อย
ถึงแล้วก็ลงมือๆๆๆ
หอยตัวแรกของแก๊งค์เป็นฝีมือแม่เองงง ^^
ลุยกันละจ้ะ ลุยๆๆๆ
ตัวแรกของพี่ธิลี :D
คนนี้ก็ขุด...แต่...เน้นเล่นทราย ^^""
นำทางไม่ค่อยคุ้ยหาเพราะไม่ชอบที่ทรายมีโคลนผสม นำทางเลยแต่งตั้งตัวเองเป็นคนเดินไปรับหอยจากทุกๆ คน เอามาล้าง แล้วเก็บให้ (พร้อมกับเล่นทำกับข้าว ต้มหอยไปด้วย บอกว่าลูกชอบทำอาหารมากกว่า) อืม...ยังคิดสร้างงานตามความถนัดตัวเองได้นะเนี่ย
ตั้งหน้าตั้งตาหากันต่อไป
ตัวแรกของน้าแมว (หน้าตาดีใจสุดๆ 55)
เด็กล้างหอย
น้ำลดลงไปเป็นหาดกว้างๆ ให้คนได้มาหากินกัน
กินกันนะคะ ของสด ฟรี และมีคุณค่า
วิวเขาขนาบน้ำ
แม่กินก่อนละนะ (เหลือมือสะอาดไว้ 1 ข้าง ไว้คอยถ่ายรูปอยู่คนเดียว)
สิ่งมีชีวิตอื่นๆ (มีปู, ปลาตีน ด้วย แต่จับไม่ทัน และถ่ายไม่ทัน)
ประมาณ 5 โมงเย็นน้ำเริ่มขึ้น เราก็เริ่มกลับ เดินกลับไป คุ้ยหาไป เด็กๆ เดินตามทางที่ป๊าเอาคราดคุ้ยทรายเป็นรถไฟ
ครั้งแรกในการหาหอยหวาน ณ ปากน้ำกระบี่ของพวกเรา ได้มาเท่านี้ (คนอื่นบางคนมาคนเดียวยังได้เยอะกว่านี้อีกนะ 555) ตอนเราเก็บกันระหว่างทางกลับเพิ่งจะมาได้เยอะขึ้น ตอนนี้รู้แล้วว่าตรงพื้นที่ประมาณไหนจะมีเยอะกว่า คราวหน้าต้องได้เยอะกว่านี้แน่นอน ^^
กลับไปกินกันเถอะ
คุณ Birdie กินแบบสดๆ raw food ให้ดู เราก็เลยลองกินกันมั่ง เพราะเก็บเอง มั่นใจได้ว่าสดจริง ไม่แช่อะไรมา เนื้อหวาน แต่ติดว่ากินสดแล้วมีน้ำทะเลติดเข้าปากนิดๆ ออกเค็ม
กินสดเล็กน้อยพอให้รู้ แล้วที่เหลือเอาไปต้มซักหน่อย แค่พอให้หอยอ้าปากเล็กๆ หายเค็ม หวาน สด ไม่มีกลิ่น อร่อยมากกก แม้ไม่จิ้มอะไร นั่งโจักันรวดเดียวหมดเกลี้ยง :D
คุยกันว่าอาจจะไปเก็บกันซักเดือนละครั้ง มานั่งกินกัน กินหอยสดๆ อร่อยๆ ปรุงน้อยๆ วิตามินสูง ^^ (แม่ยังนึกอยากไปอีกเลยอยู่เนี่ย สนุกมากกก) และลูกก็ยังได้รู้จักแหล่งอาหารตามธรรมชาติ รู้คุณค่าของทรัพยากรป่าชายเลน หลังจากเก็บหอยกันได้คุยกับนำทางต่อว่า ถ้าไม่มีป่าสมบูรณ์แบบนี้ ทะเลไม่สะอาด ก็คงไม่มีหอยให้เราหาได้แบบนี้หรอก สมัยก่อนธรรมชาติมีมากกว่านี้ คนเค้าก็หากินเอาตามธรรมชาติ แต่เดี๋ยวนี้ป่าโดนทำลายไปมาก อาหารตามธรรมชาติน้อยลง คนไปเลี้ยงทำขายอีก เปลี่ยนไปทำงานหาเงินซื้อกันแทน ซึ่งไม่ปลอดภัยอีกต่างหาก ที่เค้าเลี้ยงใช้สารเคมีอะไรบ้างก็ไม่รู้ ถ้าเราไม่รักษาธรรมชาติไว้อีกหน่อยก็คงหาของกินได้น้อยลงๆ นำทางบอกว่า "ลูกไม่ยอมหรอก ถ้ามาทำลายลูกจะเฉาะพุงเลย" ... เย้ย นี่ก็โหดเกิ๊นนน (แต่เฉาะของนำทางคือการเอามือเฉาะนะ ไม่ใช่อาวุธ)
ลิงค์ถาวร