จะว่าจำเป็นมั้ย ป๊าว่าไม่จำเป็น (แต่ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเรียนนะ) แม่ว่าก็จำเป็นบ้าง (ก็ไหนคิดกันว่าต้องรับอาสาสมัครต่างชาติมาแลกเปลี่ยน) สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษของนำทางแม่คิดว่าควรต้องเรียน ควรต้องใช้เป็นบ้าง เหตุผลมีหลายอย่าง ... เมื่อต้องใช้ก็จะได้สื่อสารได้, เผื่อลูกอยากจะสอบเทียบอยากจะอะไร, ไว้ใช้แสดงให้ญาติพี่น้องหรือใครก็ตามที่กังขากับการทำโฮมสคูลให้นำทางว่าจะได้ดีซักแค่ไหน จะได้เหมือนชาวบ้านเค้ามั้ย (ไม่ได้ไว้อวดไว้แข่ง แต่ไว้แสดงให้เห็นว่าถ้าอยากจะเรียนอะไรก็สอนให้ได้ทั้งนั้นแหละ แล้วก็ได้ดีด้วย เพราะว่าเรื่องนี้แหละเรื่องใหญ่ ถ้าหากเป็นคนในครอบครัวมามีปัญหาเรื่องไม่พาลูกเข้าเรียนเนี่ย) แต่ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เริ่มแผนการสอนจริงจัง (มั้ง?) คือ เมื่อนำทางบอกแม่เองว่านำทางอยากเรียนภาษาอังกฤษ
ตอนแรกก็ว่าจะพาไปเรียนข้างนอกนะ (แค่ในเบื้องต้น) แบบว่าให้ได้ไปเล่นกับเพื่อน ผลัดกับการไปเรียนปั้นแป้งโดว์บ้าง ส่วนแม่ก็จัดไปตามปกติ (ดูการ์ตูน ร้องเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ) ไปหาว่าที่ไหนจะสอน Phonics แบบสนุกและเป็นครู native (เพราะเป็นพื้นฐานการออกเสียงเลยอยากให้ครูฝรั่งสอนแทนแม่ในเรื่องนี้) แต่ที่กระบี่ไม่มีที่ถูกใจเลยยย มีแต่เอาจริงเอาจัง นั่งเรียนกันจริงๆ หรือแบบมีครูแนะแต่ดู vdo ประกอบ (ดูที่บ้านก็ได้นะ - -") ไม่มีแบบที่เล่นๆ สนุกๆ เลย เด็กแค่ระดับอนุบาลเนี่ยนะ เฮ้อ~ สรุปก็เลยให้ไปเล่นกับเพื่อนๆ ที่เรียนแป้งโดว์เหมือนเดิม แล้วแม่ก็จัดให้แบบเดิมต่อไป แต่ก็เพิ่มให้มากขึ้นเมื่อเจ้าตัวเค้าอยากเรียน
การเรียนภาษาอังกฤษ ถ้านึกถึงตอนเด็กๆ เรียนในโรงเรียนธรรมดา ก็เริ่มจากท่อง A-Z แล้วก็มานั่งสะกด c-a-t แคท แมว, d-o-g ด็อค สุนัข อ่านไปทีละคำตามในหนังสือ ABC ... เดี๋ยวนี้ดีหน่อย ถ้าใครได้เรียนโรงเรียนทางเลือกหรือโรงเรียนที่มีการสอนแบบใหม่ๆ เข้ามา ไม่เน้นท่องละ ได้เล่น ได้ร้อง ได้เรียนผ่านกิจกรรมหรืออุปกรณ์เสริมนู่นนี่ ก็ไม่รู้ว่าโรงเรียนไหนเริ่มจากอะไรบ้าง เท่าที่เคยอ่านและได้ดูคลิปมาบ้าง จะมีแบบ Whole language approach, แบบสอนเริ่มจาก Phonics (เรียนเสียงของตัวอักษรก่อนจำชื่อ) และอะไรอีกล่ะ
ส่วนแม่หนะ แต่ไหนแต่ไรอยากให้ลูกอ่านหนังสือออกเองเร็วๆ นั่งรอว่าเมื่อไหร่จะถึงวัยอ่านเองหนอ เพราะเวลาเธอหยิบมาให้อ่านบางทีนี่แม่เสียงแห้งไปเลย แล้วถ้านำทางอ่านเองได้คงได้สนุกขึ้นอีกเยอะที่ตัวเองจะได้เลือกมานั่งอ่านเอง คงได้หาคำตอบเองได้อีกเยอะ แม่หละรอ ร๊อ รอ 55 ก็เลยอยากให้เรียน Phonics ก่อน เพื่อจะได้ออกเสียงได้ถูกต้อง และหัดอ่านได้ต่อไป
กิจกรรมทางภาษาของนำทางก่อนหน้านี้ก็มี ดูการ์ตูนวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แบบยาวเป็นเรื่องบ้าง แบบสั้นเป็นตอนๆ บ้าง ดูจากเวลาในตอนนั้นๆ การ์ตูนที่ให้ดูก็จะมี 4 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ (ก็มี Disney's แล้วก็เป็นการ์ตูนหรือร้องเต้นอื่นๆ มากมาย), ภาษาญี่ปุ่น (ของ Ghibli ที่ให้ดูเพราะเป็นการ์ตูนที่ดีดี๊ดี ดีมาก และแม่ชอบดูด้วย), ภาษาไทยที่ตอนนี้มีอยู่อย่างเดียว คือ นิทานชีวิต และภาษาฝรั่งเศส มีอย่างเดียวเหมือนกัน คือ Barbapapa (ไม่ได้ตั้งใจว่าต้องรู้ภาษาฝรั่งเศสหรอกนะ แค่ชอบ และมันดูน่าสนใจดีที่แปลงร่างได้ เอาไว้ใช้คุยเล่นทำอะไรกับลูกต่อ) ที่ดูมากที่สุดก็ภาษาอังกฤษหนะแหละ รองมาก็ภาษาญี่ปุ่น และก็มีอ่านหนังสือ ซึ่งก็พอๆ กันนะ ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ แล้วแต่เจ้าตัวจะเลือกเล่มไหนมา มีภาษาญี่ปุ่นบ้างแต่น้อยกว่า แล้วก็มีร้องเพลง ซึ่งเวลาดูการ์ตูน อ่านหนังสือ แม่จะไม่ได้แปลให้ นอกจากบางครั้งถ้าเค้าถามเอง
ทีนี้พอเริ่มวางแผนว่าจะสอนจริงจังขึ้น (ซึ่งมันก็ไม่ได้จริงจังจริงๆ หรอกนะ 55) ก็คิดแผนการณ์ออกมา แทรกภาษาอังกฤษเข้าไปในกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น มีช่วงเวลาที่จะพูดภาษาอังกฤษกับลูก (ก่อนนอน ตั้งแต่ดูการ์ตูน แปรงฟัน อ่านหนังสือ) ส่วนระหว่างวันก็จะแทรกๆ เข้าไปตามแต่สถานการณ์อำนวย ไม่คิดขนาดจะพูดเอาจริงเอาจังทั้งวันหรอก
แผนการณ์ง่ายๆ ของแม่ก็คือ เริ่มจาก Phonics (นำทางรู้จัก A-Z มาแล้ว ไม่ได้ให้ท่อง แต่ร้องเพลงกัน ก็ร้องได้แบบเนี้ย)
VIDEO
พอจะเริ่มสอน Phonics เมื่อหาครูฝรั่งสอนไม่ได้ เมื่อแม่ไม่ได้จบนอก และไม่เคยอยู่ต่างประเทศเกิน 4 วัน ก็เลยต้องพึ่งสื่อมาช่วยสอน (สอนแม่ด้วย ><) แม้แม่จะเคยเรียนมาแล้ว แต่มันก็ลืมแล้วค่ะ! 55 และสำเนียงก็คนไทยธรรมดานี่แหละ เลยให้ลูกฟังจากเพลง จากการ์ตูนเอา ที่ใช้ในการสอน Phonics ก็มีอยู่ 2 ยี่ห้อ Leapfrog กับ Jolly Phonics ก็เลยมีปัญหานิดนึงที่อันนึงมันอเมริกา อีกอันมันของอังกฤษ มีบางตัวอักษรออกเสียงต่างกันซะงั้น (จริงๆ นะ ใน 2 อันนี้มีออกเสียงต่างกัน 3 ตัว คือ I, L, O) แต่ไม่เป็นไร ก็ร้องมันต่อไป นำทางก็ดูไม่แยแสนี่ ร้องมันได้ทั้ง 2 ยี่ห้อ
ของ Jolly Phonics จะเป็นเพลงทีละตัวอักษร มีท่าประกอบ ของ Leapfrog ดูเป็นการ์ตูน (Leapfrog Letter Factory) แต่ก็มีเพลงด้วยหนะแหละ (จำง่ายทั้ง 2 ยี่ห้อนะ) แล้วแม่ก็นำมาต่อยอดด้วยการชวนร้องเพลงระหว่างวันเวลาที่มีอะไรที่เกี่ยวข้อง เช่น เวลามดมาไต่มาตอม ก็ร้องเพลงตัว A ของ Jolly Phonics
/a/ /a/ Ants on my arm. /a/ /a/ Ants on my arm. /a/ /a/ Ants on my arm. They're causing me alarm. พร้อมทำท่าเกาๆ ปัดๆ มดไต่แขน
แล้วพอต่อมานำทางก็จะชวนร้องเองเวลาที่เห็นมด ^^
หรือวันก่อนไปเก็บดินมาก้อนนึง แล้วก็มาบอกแม่ว่า "egg" พร้อมร้องเพลงประกอบ
Eggs in the pan /e/ /e/ /e/. Eggs in the pan /e/ /e/ /e/. Eggs in the pan /e/ /e/ /e/. Crack the egg like this /e/. ปกติถ้าไม่ถืออยู่เต็มมือแบบนี้จะทำท่าตอกไข่ไปด้วย
VIDEO
ร้องกันอยู่ไม่นาน (ประมาณอาทิตย์เศษ แบบไม่ได้ดูทุกวัน) ก็ร้องได้ทั้งของ Jolly Phonics (แต่อันนี้ยังร้องเองไม่ได้ทุกตัว แต่ถ้าร้องพร้อมกันก็ได้อยู่) และของ Leapfrog มีคลิปแต่ตอนที่ร้อง Leapfrog เพิ่งถ่ายวันนี้เลย (จริงๆ แล้วตอนแรกร้องแบบเสียงดังและใส่ท่าด้วย แต่แม่ไม่ทันถ่าย เลยรีกลับไปให้ร้องอีกรอบ อารมณ์เลยไม่คึกเท่ารอบแรกละ)
VIDEO
ร้องเพลงตามไม่แปลกอะไร แต่ที่เหนือความคาดหมายแม่ไปหน่อย ไม่คิดว่าร้องเพลง Phonics แล้วจะได้ของแถมเป็นการเขียนออกมาด้วยแฮะ อยู่ๆ วันนี้นำทางก็เขียนตัวอักษรเอง โดยที่แม่ไม่เคยสอน ไม่เคยเขียนให้เขียนตาม ไม่เคยบอกว่าให้เขียน ไม่เคยจับมือเขียน ไม่เคยเขียนตามเส้นปะ (ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือเขียนอะไรก็ตาม มีแต่ปล่อยให้ขีดเขียนเองตามอิสระล้วนๆ) เพราะแม่ไม่ได้รีบเร่งอะไร แม่ก็แค่รอให้กล้ามเนื้อมือของลูกพร้อมเอง รอให้ลูกอยากเขียนเอง จะเขียนได้เมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหา และตามหลักการและเหตุผลจากที่เคยอ่านๆ มาแล้ว เด็กไม่จำเป็นต้องไปจับให้เขียนก่อนอายุ 6-7 ขวบ แล้วแม่ก็เลยได้รู้ว่าวันนี้คือวันที่นำทางพร้อมเองแล้ว จำตัวหนังสือบางตัวได้ เริ่มบังคับมือได้มากขึ้น และอยากจะเขียน
ตัวอักษรตัวแรกในชีวิตนำทาง "M" (เขียนภาษาอังกฤษก่อนภาษาไทยอ่า 555) The M said /mmm/, the M said /mmm/. Every letter makes a sound, the M said /mmm/.
VIDEO
เขียนหลายรอบเลย หลากหลายสี
ตัวอื่นๆ ที่เขียนวันนี้
แม้ว่าจะเขียนวงกลมเป็นอยู่แล้ว แต่นี่คือ "O" (โอ) ไม่ใช่วงกลมนะ ตัวนี้นำทางจำชื่อได้
นำทางบอกว่า "ตัว /sss/ (ทำเสียงซือออ) snake"
แม่ไม่มั่นใจทำไมมันแหลม แอบนึกว่าเขียนตัว Z แต่กลับด้าน เลยถามว่า "ตัว Z (ซี) bee buzz หรือเปล่าคะ"
นำทางยืนยันว่า "ไม่ใช่ นี่ตัว /sss/ (ซือออ)"
อืม แปลว่าตั้งใจเขียน "S" จริงๆ แต่มันไม่โค้ง ^^" "อ่อๆ S (เอส) /sss/ snake หรอคะ" แล้วก็เขียน S แบบของแม่ไว้ข้างๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ให้เค้าค่อยๆ ปรับเอง
ตัวนี้นำทางนึกชื่อไม่ออก แต่บอกเสียงได้ บอกแม่ว่า "/u/ /u/ (อ๊ะ อ๊ะ) อะแม่เจ้าขาว"
"อ่อ เค้าชื่อตัว U (ยู) ค่ะ" แล้วร้องเพลงกันต่อ /u/ /u/ up go umbrella
ตอนนี้นำทางจำศัพท์ได้พอควร บางคำเคยบอกไปครั้งเดียวแล้วเอามาพูดเองได้, นับเลข 1-20 ผิดบ้างบางครั้ง ชอบลืม 13 กับ 15 และเมื่อต่อจาก 20 ถ้าต่อ 21 ให้เค้า นำทางก็จะต่อ twenty two ไปเรื่อยๆ ต่อได้ จะ 30 40 50 ... รู้หลักแล้วก็ไปต่อได้
VIDEO
จำชื่อสีต่างๆ ที่เป็นสีพื้นฐานได้ ผลไม้ สัตว์ คำที่เจอบ่อยๆ ตามบัตรคำ หนังสือ, รู้จักเอาคำที่แม่เคยบอกไปปรับใช้เอง เช่น เห็นป้าย Big C แม่เลยสอนให้ดูว่ามันเป็นตัว C ตัวใหญ่ๆ เลยเห็นมั้ย Big C ซีตัวใหญ่ๆ นำทางก็เอาไปพูดต่อ big car, big เจ้าขาว เจ้าขาวตัวใหญ่ๆๆๆ, เข้าใจประโยคที่แม่พูดด้วยประจำแม้ว่าจะไม่เคยแปลให้ (เด็กนี่รับได้เร็วกว่าผู้ใหญ่มาก พูด 2-3 ทีก็เข้าใจแล้ว แต่คนโตมักจะไม่ยอมทำความเข้าใจต้องรอแปลศัพท์ทีละตัว), สนใจที่จะถามคำศัพท์เองด้วย อันนี้พูดว่าอะไร อันนี้แปลว่าอะไร, อยากพูดตามการ์ตูนเองโดยที่แม่ไม่ได้บอก (กะว่าถ้าไม่พูดตาม ไว้ซัก 6 ขวบ ค่อยกระตุ้นให้พูดตาม 55), มักจะเอาเรื่องราวที่เคยดู เคยอ่าน เคยร้อง มาผูกกับสิ่งที่เจอ นำเอามาใช้เวลาที่พบเจอจริง (เรื่องผูกเรื่องนี่ไม่ใช่เฉพาะภาษาอังกฤษ แต่เป็นเพราะแม่ชอบชักจูงให้นำทางผูกโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันให้มากอยู่แล้ว หัด mind map แบบคิดเอาก่อนเขียนหนังสือได้หนะ)
ขั้นตอนต่อไปที่เราจะเรียนกันอีกนอกจากร้อง เล่น เต้น ดูการ์ตูน อ่านหนังสือ บทสนทนาเล็กๆ ก่อนนอน จะเป็นอะไรอีก ติดไว้ตอนหน้าเมื่อสาวเจ้ามีพัฒนาการอีกขั้น ;)
ลิงค์ถาวร