ความที่เคยคิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่า ข้าวเป็นอาหารที่ยุ่งยากทั้งการปลูก สี และหุงต้ม และที่สำคัญกว่านั้นคือรู้สึกไปเองว่ากินมันมากไปแล้ว ก็ได้แต่ลองคิดพยายามกินเผือก มัน แทนข้าว แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากความไม่สะดวกในการเก็บและที่สำคัญมันยังคงต้องใช้พลังงานในการหุงต้มอยู่ดี เรื่องก็เลยพับๆ ไป หันกลับมาทำงานแล้วก็ใช้ชีวิตปกติไป แต่แล้ววันนี้ ...

ได้รับการติดต่อจากอาสาสมัครท่านหนึ่ง โปรไฟล์ที่เขียนมาผ่านหมดทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ เธอเป็น fruitarian และกิน raw food ทำให้คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาสำหรับเราที่รับประทานอาหาร cook food แต่กลับไปสะดุดว่าอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ fruitarian และประกอบกับช่วงนี้ได้คุยกับอาสาสมัครคนนึงที่กำลังสนใจใน raw food ทำให้เรื่องพวกนี้จากที่เคยเห็นด้วยอยู่แล้วจึงเพิ่มดีกรีมากขึ้นจนในที่สุดมาตัดสินใจได้จากบทความที่สามารถตอบโจทย์ปัญหา อาหารให้พลังงานอย่างคาร์โบไฮเดรตได้ นั่นก็คือ "กล้วย"

กล่าวถึงความน่าสนใจของอาหาร raw food เสียหน่อย ประโยชน์ที่ต้องการจะได้รับคือ ระบบขับถ่ายขั้นเทพ อุจจาระไม่เหม็นเนื่องจากลำไส้สะอาดไม่มีอาหารย่อยยากให้ตกค้าง น้ำหนักตัวลงมาอยู่ในเกณฑ์พอดี ร่างกายจากที่มักจะร้อนเกินอยู่เสมอกลับมาสมดุล อันนี้รู้จากตัวเอง มีปัญหาปากร้อนในเสมอ มีอยู่ช่วงนึงเจ็บคอต้องการน้ำจำนวนมากตลอดวัน คอแห้งอยู่ประมาณเกือบสัปดาห์นั่นแสดงถึงร่างกายที่ไม่สมดุลเต็มที่แล้ว ร่างกายกำลังเตือน และปกติทานข้าวกล้องที่มีฤทธิ์ร้อนกว่าข้าวขาวและรู้ตัวว่าเคี้ยวข้าวไม่ละเอียด กินเร็ว แต่นิสัยนี้แก้ยังไงก็ไม่หาย แก้มันด้วยการทานอาหาร raw food แบบเน้นผัก ผลไม้อย่างเดียว จบ ร่างกายย่อยได้แน่นอน แม้จะกินเร็ว อีกข้อนึงคือ อาหาร raw food ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าไม่ต้องสูญเสียพลังงานไปกับการย่อยอาหาร ที่สังเกตง่ายๆ หลังจากมื้ออาหารแล้วเราจะง่วงนอน แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องการคือทำงานได้ตลอดวันโดยไม่ต้องนอนหลับพักผ่อน

ในบทความกล่าวถึงว่าพวกเค้ากินกล้วยวันละถึง 30 ลูก เพื่อความต้องการที่เพียงพอ และพอได้ลองมาคำนวณดูนั่นปกติมากเลยเมื่อเปรียบเทียบกับข้าว และน่าจะดีกว่าต่อสุขภาพ ระบบย่อย อีกด้วย ถึงวันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเลิกกินข้าวของตัวเองสักที เว้นเฉพาะตอนที่ไม่สะดวกแต่ถ้าอยู่บ้านก็กล้วยแน่นอน และผักส่วนใหญ่จะไม่ให้ผ่านความร้อน ลงวันที่ 19 มี.ค. 2557 เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน!!!

บทความที่ว่า http://firstonfire.blogspot.com/2011/12/freelee-harley-raw-vegan.html